วันจันทร์ที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2552

บันทึก KSWAN 2

DAY 1 07.08.52

15.30 น. วันนี้มีภารกิจต้องไปเข้าค่ายสิ่งแวดล้อม ที่คลองอุดม สระแก้ว แต่ก่อนไปค่ายดันมีสอบวิชากฎหมายคาบแรก วันนี้ก็เลยอยู่ในอาการเมากฎหมาย ข้อสอบของอาจารย์สุดยอดมาก สอบบทที่ 1- 2 ข้อสอบมี 3 ข้อ แต่ข้อมูลที่ต้องอ่านมี 99 หน้า แถมอ่านมาไม่ตรงกับที่สอบด้วย ตกแน่นงานนี้ สอบเสร็จก็มาเรียนอังกฤษต่อเรียนตั้งแต่เที่ยงครึ่งถึงสามโมง จากนั้นก็ไปรวมตัวกับพวกรุ่นพี่ปี4 แล้วก็รุ่นน้องปี 1 ค่ายนี้เรารับหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงหวังว่างานนี้คงไม่โดนแกล้งนะ ชมรมของเราเป็นคนเขียนโครงการค่ายเอง (แต่เราไม่ได้ช่วยอะไรเลย เป็นตัวไร้ประโยชน์ ) นั่งรถ (คราวนี้เป็นรถบัสของมหาลัย มหาลัยให้ยืมมาพร้อมคนขับแต่ต้องจ่ายค่าน้ำมันเอง) ออกมาครึ่งชั่วโมงก็ผ่านแยกบางคล้า แล้วก็วิ่งไปต่อในเส้นทางที่เราไม่รู้จัก ข้างทางมีแต่ต้นไม้ นาข้าว ไร่ข้าวโพด เลี้ยวโค้งขึ้นเขาลงเขา ผ่านด่านตรวจ ถึงค่ายประมาณ 1 ทุ่ม แต่ก่อนถึงต้องเอารถบัสมหาลัยไปจอดฝากไว้ที่ โรงเรียนคลองอุดม เพราะทางไปค่ายรถใหญ่เข้าไม่ได้ติดต้นไม้ ทางเจ้าหน้าที่เค้าจัดรถมารับเป็นรถ 6 ล้อ นั่งรถต่อไปอีกประมาณ 3 ก.ม. ก็มาถึงค่าย ค่ายนี้ตั้งอยู่ที่ หน่วยจัดการต้นน้ำคลองอุดม อำเภอวังสมบูรณ์ จังหวัดสระแก้ว คนที่หาค่ายนี้เจอคนแรกต้องสุดยอดจริงๆ บ้านคนแทบไม่มี มีแต่ไร่ข้าวโพดสำหรับเลี้ยงสัตว์ ทางมาก็สุดยอด เห็นถนนลาดยางหายไปต่อหน้าต่อตา แถมนั่งอยู่หลังรถ 6 ล้อ โดยเหวี่ยงไปมามันมาก วิ่งเข้าไปในป่า ต้องคอยหลบต้นไม้ให้ดีไม่งั้นเจ็บตัวแน่ มาถึงค่ายก็ถึงเวลาอาหารเย็นพอดี มื้อนี้มีอะไรหลายอย่างที่เรากินไม่เป็น กินได้แต่ไข่พะโล้ แต่ไม่เป็นไร วันนี้กินมาเต็มที่แล้ว กลางวันกินก๋วยเตี๋ยวชามพิเศษใส่ไข่ แล้วก็ขนนที่เราไม่รู้จักอีกหนึ่งอัน ก่อนขึ้นรถก็ซื้อซาลาเปาไส้ครีมลูกเกดจากเซเว่นอีก 3ลูก กินไป 2 ลูก อีกลูกไม่รู้วางลืมไว้ที่ไหน วันนี้รู้สึกจะกินมากเป็นพิเศษปกติกินแค่นมกล่องเดียว กินข้าวเสร็จก็ถึงเวลากิจกรรมเริ่มจากแนะนำตัว ให้น้องๆจากโรงเรียน “วังไพร” ที่มาร่วมค่ายรู้จัก ส่วนใหญ่เป็นเด็ก ม.5-6 โดนรับรุ่นพี่ ให้เต้นท่าไก่ย่าง 5 ดาว ไป 1ชุด แนะนำตัวเสร็จก็ไปรวมกับรุ่นน้อง ความหวังที่ว่างานนี้คงไม่โดนแกล้งแป๊กไปเรียบร้อย แบ่งกลุ่ม เป็นสามกลุ่ม กลุ่มเรามีทั้งหมด 11 คน ทำกิจกรรมกับน้องๆอีกนิดหน่อยก็หมดเวลา เครื่องปั่นไฟน้ำมันกำลังจะหมดแล้ว คนที่อยู่ที่นี่ต้องสุดยอดจริงๆ ไม่มีไฟฟ้าต้องใช้ไฟจากเครื่องปั่นไฟกับแผงโซล่าเซลล์ สัญญาโทรศัพท์มีแค่ขีดเดียว ไม่มีทีวี ไม่มีความช่วยเหลือใดๆ แต่คืนนี้มีขนมเฉาก๊วยให้กินเป็นมื้อดึก ง่วงนอนแล้ว เหนื่อย แต่ก็สนุกดี




DAY 2 08.08.52

4.15 น เครื่องปั่นไฟทำงาน ตื่นขึ้นมาก็ได้ยินเสียงน้องๆผู้ชายตื่นแล้ว ตื่นเช้าจังนะไอ้พวกนี้ไม่ใช่อะไรหรอก ตื่นมาแย่งกันเข้าห้องน้ำน่ะซิ สำหรับเราอาบน้ำเสร็จก็นั่งเล่นนอนเล่นจนถึงเวลา หกโมงเช้า เข้าแถวออกกำลังกาย แต่รุ่นน้องปีหนึ่งของเราสองคนโดนรับน้องจากรุ่นพี่ของเรา ที่จบไปแล้ว สุดท้ายเรากับเพื่อนของเราก็โดนรับน้องไปกับเค้าด้วย โดนให้เอามือไขว่กันแล้วก็เดินไปพร้อมกัน ปากก็ตะโกนว่า “รักพี่ เสียดายน้อง ท้องทั้งพี่ทั้งน้อง” เฮ้ยไม่ใช่แล้ว อย่างนั้นก็คุกซิครับ ต้องพูดว่า “เคารพพี่ รักน้อง รักพวกพร้อง รักสิ่งแวดล้อม” แต่เราว่าบางทีก็ควรเติมคำว่า “ให้เกียรติรุ่นน้อง” ก็น่าจะดีนะ โดนรับน้องเสร็จ ก็เข้าไปรวมกับชาวบ้านเค้าทำกิจกรรมอีกนิดหน่อย ก็ถึงเวลามื้อเช้ากับข้าวมื้อนี้มีต้มเลือดหมูคนละหนึ่งชาม ต้องกินให้หมดด้วย สำหรับเรามันก็ OK นะ แต่น้องบางคนเล่นใส่พริกซะแดงเลย คงเผ็ดโคตรเห็นตอนกินทรมานน่าดู กินมื้อเช้าเรียบร้อยก็ถึงเวลาเล่นฐาน มีสามฐาน ฐานแรกให้ลอดเชือดกว่าจะผ่านมาได้แทบตาย นึกว่าไม่รอดซะแล้ว ฐานที่สองให้เดินอยู่บนผ้าใบผืนเดียวมีคนอยู่ตั้ง 11 คน โคตรเหนื่อยเลย ฐานสุดท้ายเอาลูกปิงป่องออกจากท่อ เล่นเราคอเคล็ดเลยโดนรุ่นน้องล้มใส่ เล่นครบสามฐานก็ถึงเวลาอาหารเที่ยงพอดีมื้อนี้เป็นก๋วยเตี๋ยวชามใหญ่
กิจกรรมตอนบ่ายของวันนี้คือ เดินป่า ป่าที่นี่เป็นป่าปลูกขึ้นใหม่แทนป่าเดิมที่โดนทำลายไปแล้ว อายุประมาณ 13 ปี เป็นป่าที่สมบูรณ์มาก มีลอยเท้ากระทิง กวาง ช้าง แล้วก็รถแทรกเตอร์เต็มไปหมด เดินป่าเสร็จก็โดนเล่นฐานปิดตาเดินป่า อันนี้ก็สุดยอด เล่นเอาหลายคนเละเลยโดยเฉพาะเราเดินจมโคลนรองเท้าจมไปมิดเลย ต้องปล่อยมือจากเชือดมาหารองเท้าตาก็ถูกปิด ก็ตอนแรกน้องที่เดินอยู่ข้างหน้าเราเกิดหยุดตรงบ่อโคลนแล้วก็ไม่บอก เราเดินตามมาข้างหลังก็ชนเข้า แล้วเซถอยถอยหลัง ขามันก็เลยจมไปลึกเลย “งานเข้าแล้วซิ” ไม่มีรองเท้าแล้วจะไปต่อยังไง ดีนะที่ขุดมันขึ้นมาได้ รุ่นพี่ไม่ช่วยเลย แอบหัวเราะอย่างเดียว หลุดจากบ่อโคลนมาก็ลงน้ำลึกแค่หัวเข่า แล้วก็ถึงเส้นชัย แต่ยังไม่วายโดนไอ้รุ่นน้องแสนดีมันแกล้งเอาซะได้ เล่นให้เราไปยืนถือไม้อยู่ในป่า ยังดีนะที่ไหวตัวทันไม่งั้นฮ่ากระจายแน่ ยิ่งคนท้ายๆยิ่งโดนแกล้ง เราก็เอากับเค้าด้วยแกล้งให้เดินลุยเข้าป่า เด็กที่นี่ชอบร้อง “เอ๊อะ” แปลว่า เจ็บ หรือ โอ๊ย บางทีก็ใช้ภาษาแปลกๆที่เราไม่รู้จักอย่างคำว่า “โอ๊ยไม้ตำปาก” ถ้าเป็นคำพูดทั่วไปต้องพูดว่า “โอ๊ยไม้กระแทกปาก” หัวแซ่งโคลนก็หมายถึงหัวทิ่มขี้โคลน แต่ฟังดูแล้วก็ตลกดีนะ
จบกิจกรรมเดินป่าก็เกือบห้าโมงเย็นออกจากป่าก็อาบน้ำ แล้วก็ต้องเตรียมบทละครอีกแล้ว คราวนี้ง่ายหน่อยพวกน้องๆคิดบทให้เลยง่าย บทละครก็มีอยู่ว่ามีนายพรานใจบาปหยาบช้าคนหนึ่งเข้าป่าไปล่ากวาง แต่โดนพวกต้นไม้ ลำธาร สัตว์ป่า ช่วยกันรุมด่า ไม่ใช่ซิต้องพูดว่ารุมสั่งสอน จนนายพรานสำนึกได้ เราเล่นเป็นนายพรานเอง โดนน้องมันด่าว่า “ไอ้นายพรานแก่หน้าหล่อ” แสดงละครเสร็จก็ถึงเวลาเล่นเกมวันนี้เราโชคไม่ดีแพ้ทุกรอบ โดนเต้นไปหลายท่า เราก็มีท่าหากินอยู่ท่าเดียว “มอเตอร์ไซค์เวปป้าจากค่ายบางพระ” กิจกรรมสุดท้ายของคืนนี้ ก็คือจุดเทียนรับน้องเข้าเป็นเครือข่ายอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ก่อนนอนคืนนี้มีถั่วแดงต้มน้ำตาลเป็นของกินมื้อดึก อร่อยมาก.


DAY 3 09.08.52

วันนี้ก็ตื่นตอนตีสี่ เหมือนเดิม พวกน้องๆผู้ชายออกมาเดินเล่นกันอีกแล้ว เช้านี้พี่วิทยากรเล่าให้ฟังว่าเมื่อคืนขับรถออกไปข้างนอกมา ตอนขากลับเห็นรถมอเตอร์ไซค์ล้มอยู่ข้างทาง ตรงทางโค้ง คนขี่นั่งอยู่ข้างทางโบกมือบ๊ายบายให้แก แปลกนะคนที่นั่งมาด้วยกันกลับไม่เห็น หกโมงครึ่งแล้วถึงเวลาเรียกรวมออกกำลังกายแล้วก็เล่นกายกรรมเหนื่อยอีกแล้ว ออกกำลังกายเสร็จก็ไปทำกิจกรรมเขียนบรรยายความรู้สึกที่มาค่ายนี้ วันนี้เป็นวันสุดท้ายอีกไม่กี่ชั่วโมงก็ได้กลับบ้านแล้ว มื้อเช้าวันนี้เป็นต้มฟัก (ที่นี่เรียกว่าต้มแฟง) กับผัดกระเพรารสชาติใช้ได้
กิจกรรมสุดท้ายของค่ายนี้คือไปปลูกป่า ต้องนั่งรถ 6 ล้อ เข้าไปในป่าอีกหลายกิโล ถนนเป็นหลุมเป็นบ่อ ขึ้นเนิน ลงเนิน เลี้ยวโค้ง โยกตัวหลบต้นไม้ สนุกมาก เรียกว่ามีแต่เสียงร้อง “โอ๊ย อุ๊บ แอ๊ก ย้าก” ไปตลอดทาง ครึ่งชั่วโมงกว่าจะถึง ไส้แทบจะหล่นลงมากองกันหมดแล้ว มาถึงพื้นที่ปลูกป่า ลงจากรถเดินเข้าป่าไปอีก 300 เมตร ถึงที่ปลูกป่า ก็ลงมือปลูกต้นไม้กันเลย อาจารย์ของเราบอกว่า “เสถียรถ้าปลูกได้ 100 ต้น เอา A วิชาอาจารย์ไปเลย” เราก็ตอบว่า YES SIR จัดให้ครับอาจารย์ แต่พอเอาจอบขุดดินก็รู้เลยว่าพลาดเสียแล้ว ดินแข็งมากบางจุดก็เป็นดินเหนียว ขุดได้ไม่ถึงไหน พวกน้องๆคงรำคาญเลยบอกว่า พี่ขวัญเอาจอบมาให้หนูเดี๋ยวหนูขุดให้ บ้านหนูทำไร่ ว่าแล้วน้องเค้าก็ขุดใหญ่เลยเล่นเอาเราอายเลย แต่เราก็ปลูกได้หลายต้นเหมือนกัน เกือบเที่ยงปลูกต้นไม้เรียบร้อยแล้ว ก็นั่งรถกลับทางที่มาตอนแรก ทางวิบากรอบสอง
กลับมาถึงค่ายเที่ยงครึ่งพอดีเปลี่ยนชุด แต่ไม่ได้อาบน้ำเดี๋ยวค่อยอาบตอนถึงบ้านก็ได้ บ่ายโมงกินข้าวมื้อสุดท้าย แล้วก็นั่งเล่าความรู้สึกของการมาค่ายนี้ของทุกคน ลืมบอกไปเราเจอซาลาเป่าลูกที่สามแล้วอยู่ในกระเป๋าเราเอง เซ่อจริงๆเลย จะกินมันก็ไม่กล้าเกรงใจท้อง เลยยกให้หมากิน ตอนแรกหมามันไม่กล้ากินเพราะเมื่อวานเราแกล้งโยนไม้ให้มันกิน วันนี้มันคงระแวงเราอยู่ แต่สุดท้ายมันก็กิน บ่ายสองก็ออกจากค่ายบอกลารุ่นพี่ ขึ้นรถ 6 ล้อ ออกไปอีกหลายกิโลคราวนี้สนุกกันใหญ่เพราะมีน้องๆจากรร.วังไพรร่วมทางมาด้วย ตอนนี้ก็เลยถ่ายวีดีโอไว้เสียดายที่โทรศัพท์เราหน่วยความจำเกือบเต็มแล้วเลยถ่ายได้น้อย มาถึง รร.คลองอุดมก็เปลี่ยนรถมาขึ้นรถบัสของเรา จะได้กลับบ้านแล้ว
14.53 น มาถึง รร.เรียนวังไพร ส่งน้องๆลงจากที่โรงเรียน บอกลาน้องๆ เด็กที่นี่น่ารักทุกคน ลาก่อนแล้วเจอกัน
15.35 น หลังจากส่งน้องๆแล้วตอนนี้รถบัสเงียบเหงามาก เหลือคนอยู่แค่ 10 คน ก็มีคนขับ อาจารย์ เพื่อนเรา 3 คน รุ่นน้องปีหนึ่ง 4 คน บนถนนข้างหน้าเราเห็นรถกระบะไตรตันท์ 4 ประตูสีน้ำเงินวิ่งอยู่เลนขวา(ถนนมีแค่สองเลน) รถบัสของเราวิ่งอยู่เลนซ้ายตามหลังมันจู่ๆไอ้รถไตรตันท์มันก็แบนหัวมาทางซ้ายเฉี่ยวกับรถบัสของเราสีถลอก ส่วนรถของมันด้านหน้าซ้ายบุไปถึงประตู คนขับรถของเราลงไปเจรจา พูดกับมันดีๆแต่มันกับด่าคนขับรถของเรา ด่าอาจารย์เรา พวกรุ่นน้องก็เลยลงไปล้อมตัวมันเตรียมสำเร็จโทษมัน แต่อาจารย์ห้ามไว้เพราะมันเมา รุ่นน้องของเราก็เมาพอกัน มันบอกให้ไปคุยกันที่โรงพัก พวกเราก็ขึ้นรถบัสขับตามมันไป แต่มันเล่นขับหนีหายไปเลย พวกเราก็คอยมองหามัน เห็นมันอยู่แต่ไกลขับรถส่ายเป็นงูน่ากลัวมาก รถคันอื่นต้องหลบลงข้างทาง รถบัสของเราไล่ตามมันไม่ทันแน่
15.55 น ระหว่างไล่ตามเจอรถตำรวจวิ่งสวนมา ช่วยกันโบกมือเรียกแล้วบอกตำรวจว่า รถชนแล้วหนีช่วยด้วย ลุงตำรวจแกก็เปิดไซเรนวิ่งไล่ตามมัน มันก็ยังขับหนีรถตำรวจ ไล่ตามกันไปอีกหลายร้อยเมตร ลุงตำรวจขับปาดหน้าให้มันหยุด แล้วตำรวจก็ลงมาล้อมรถมัน รถบัสของเราตามมาทันพอดี เห็นมันพูดท้าทายตำรวจ มันบอกตำรวจว่า “มึงจะเอาเงินเท่าไร” ลุงตำรวจเลยผลักมันล้มลงบนพื้นถนน แล้วบอกว่า “กูไม่ได้มารีดไถ่มึงนะ” เท่านั้นแหละมันถึงกับยกมือไหว้ตำรวจเลย ลุงตำรวจพามันขึ้นรถตำรวจไปโรงพัก พวกเราต้องไปโรงพักด้วย สนุกมากๆ
16.24 น โรงพักท่าตะเกียบ ไอ้คนชนมันเมาไม่รู้เรื่องเลยจะเดินหนีท่าเดียว ตำรวจต้องไปลากตัวกลับมามันไม่ยอมเดินสุดท้ายก็หกล้มเลือดออกเต็มขาเลย น่าสงสาร แต่ก็สมควรโดน มันดูถูกพวกเราก่อน มันบอกว่าพ่อมันอยู่บุรีรัมย์ แต่พ่อมันตายแล้ว แล้วมันบอกว่ามีเงินอยู่ในกระเป๋า 45 ล้าน ค้นดูในกระเป๋าไม่มีแม้แต่บาทเดียว สุดท้ายมันก็โดนพาไปวัดแอลกอฮอล์ แล้วก็ทำแผลที่โรงบาลพยา ระหว่างรอสอบสวน ไม่มีอะไรทำ ลงไปสำรวจโรงพักเล่น ถ่ายรูปที่โรงพัก ลุงตำรวจแกพาไปดูคุก แล้วก็สอนวิชากฎหมายให้ฟัง
17.30 น ยังสวบสวนไม่เสร็จ อาจารย์เลยให้เงินพวกเราไปซื้อข้าวกิน แล้วอย่างลืมซื้อให้อาจารย์กับคนขับรถด้วย ตอนไปซื้อข้าวได้ยินชาวบ้านแถวนั้นพูดเรื่องรถที่ขับหนีตำรวจด้วยเหมือนในหนังเลย แล้วถามว่าพวกเราใช่พวกที่มากับรถบัสคู่กรณีหรือเปล่า เราตอบว่าใช่
ซื้อข้าวเสร็จก็พากันมานั่งกินที่ศาลาพักร้อน กินยังไม่ทันเสร็จมีผู้หญิงใส่เสื้อสีน้ำเงินกางเกงขาสั้น รองเท้าหนัง ถือหนังสือเดินตรงมาที่พวกเรานั่งกินข้าวกันอยู่ ถามพวกเราว่า “จะพักค้างคืนที่หรือคะ” อาจารย์ตอบว่า “ไม่ครับรถของพวกเราเสียก็เลยมานั่งพัก”ไม่ได้บอกเรื่องจริงเพราะดูท่าทางจะสติไม่ดี เราก็เดินเข้าไปหาเอาน้ำไปให้ แต่เธอบอกว่าขอเปลี่ยนเป็นเงินได้มั้ย นั่นเลยงานเข้าอีกแล้ว เราตอบกลับไปว่าเราเป็นนักศึกษาไม่มีเงิน “หนีคนเมาเจอคนบ้า”
19.00 น สอบสวนเสร็จตำรวจบอกให้พวกเรากลับบ้านได้ ส่วนไอ้คนเมาต้องติดคุก 1 คืนแน่นนอน แล้วถ้าคดีถึงศาลอาจต้องติดคุกอีก 1 เดือน ต้องขอขอบพระคุณตำรวจ ส.ภ.ท่าตะเกียบที่ช่วยเหลือพวกเรา ขอบคุณมากครับ
ตอนนี้มืดมากแล้ว ถนนไม่มีแสงไฟต้องเพิ่มความระวังเป็นสองเท่า หน้ารถมีคนนั่งอยู่แค่สี่คน มีอาจารย์ คนขับ เพื่อนเรา แล้วก็เรา เรานั่งข้างคนขับ ที่เหลือนั่งกระจายกันอยู่ตรงกลางแล้วก็ท้ายรถ หลังจากขับออกจากโรงพักไม่นาน เห็นข้างทางมีคนใส่เสื่อสีขาวเดินอยู่ข้างถนน เราพูดกับเพื่อนว่าคนคนนี้เค้าไม่กลัวหรือไง ออกมาเดินทำไม บนถนนมีแต่ซากหมาโดนรถทับ แถมมืดมากด้วย วันต่อมาเพื่อนมาบอกว่าผู้ชายที่เราเห็นตอนนั้น ตอนที่เราพูด เพื่อนที่นั่งอยู่ตรงกลางรถก็เลยหันหลังกลับไปดู เห็นผู้ชายคนนั้นไม่มีหน้าตาไม่มีปาก ตา จมูก มีแต่เลือด!!
เกือบสามทุ่มพวกเราก็มาถึงแปดริ้วคนขับรถไปส่งที่ขนส่งแปดริ้ว แต่รถโดยสารทุกสายที่วิ่งผ่านบ้านเราหมดแล้วไม่มีรถกลับ ต้องโทรเรียกแม่มารับ สามทุ่มครึ่งถึงบ้าน อาบน้ำแล้วก็นอนเลย มาค่ายคราวนี้ได้ครบรสชาติเลย ทั้ง โหด มัน ฮ่า เรื่องน่ากลัว เรื่องตื่นเต้น สนุกมาก.

*รูปภาพดูเอาในบล็อกนะครับ.